บล๊อคที่ผมเขียนขึ้นในวันนี้เกี่ยวกับประสบการณ์ การเข้าร่วม The Face Men ตอนแรกผมถูกเชิญเข้าร่วมออดิชั่นในรายการนี้ แต่ผมก็ปฏิเสธรายการไป ผมมาคิดทบทวนว่าทำไมผมจึงปฏิเสธ ผมรู้สึกว่าภาษาไทยของผมนั้นยังไม่ค่อยแข็งแรง หุ่นผมก็ยังไม่พร้อม และผมยังเป็นฝรั่งที่จะเข้าร่วมรายการที่ส่วนมากมีแต่คนเอเชีย ผมรู้สึกว่าผมยังไม่ดีพอ
หลังจากผมคิดๆดูแล้ว ผมสอนนักเรียนของผมที่อยากทำงานเป็นแอร์โฮสเตท ในทุกๆอาทิตย์ว่าให้สู้เพื่อฝันตัวเอง นักเรียนของผมหลายๆคนมักจะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ตัวเองยังไม่ดีพอ และยอมแพ้ไป ผมสอนพวกเค้าให้สู้ แต่แล้วทำไมผมจึงไม่สู้เพื่อฝันที่จะเป็นนักแสดงของผมบ้างล่ะ
ผมไม่อยากยอมแพ้แบบนั้น ถ้าผมเข้าร่วมรายการผมจะพูดแต่ภาษาไทย และใช้โอกาสนี้ในการฝึกภาษาไทยและเรียนรู้ให้มากขึ้น ผมเคยเรียนแอคติ้งที่ออสเตรเลีย, ถ่ายนิตยสาร GQ Japan, เคยถ่ายซีรี่ย์, เคยออกรายการ TV นี่คือโอกาส ประสบการณ์ และคือฝันของผม
หลายอาทิตย์ผ่านไปหลังจากออดิชั่น ผมเป็น 1 ใน 40 คน และผมพูดตรงๆเลยว่าผมตกใจมากๆ ผมไม่คิดว่าผมจะทำได้ ตอนที่ผมไปถ่ายรายการอีพีแรก ผมเห็นว่ามีฝรั่งอยู่แค่ 3 คน นอกจากนั้นเป็นคนเอเชียหมดเลยไม่ก็เป็นลูกครึ่งเอเชีย มีฝรั่งคนนึงพูดไทยไม่ได้เลย กับอีก8นนึงพูดได้นิดหน่อย 555 ผมพอพูดได้ผมเลยดีใจ 555 เวลาที่คุณไปสัมภาษณ์งานในบริษัทต่างๆหรือสัมภาษณ์เป็นแอร์คุณต้องรู้สึกถึงการแข่งขัน เพราะเค้าเองก็เป็นคู่แข่งตุณ ในรอบแรกของการออดิชั่น The Face Men เหมือนกับรอบ prescreening ของการสมัครเป็นแอร์ ส่วนมากจะเกี่ยวกับตัวตนของเราและศักยภาพของเราที่มี เมื่อผมเข้าไปในห้องผมพบกับกรรมการ 3 คน ผมเคยเจอพี่ลูกเกดมาก่อน พี่เค้าเป็นคนบอกให้ผมเรียนภาษาไทยเมื่อหลายปีก่อน และผมก็เจอพีชซึ่งเค้าเป็นคนที่ผมดูในซีรี่ย์เรื่องฮอร์โมน และกรรมการอีกคนนึง ผมรู้ว่าเค้าไม่ชอบผม หรือไม่เข้าใจในตัวตนของผม แต่ผมเข้าใจและเคารพเค้าในวงการแฟชั่น
สิ่งที่ผมแคร์คือทำให้คนหัวเราะ และแสดงออกมาว่าตัวตนของผมเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบผม แต่ผมเชื่อว่าทุกคนที่ติดตามผมอยู่อาจจะดูรายการนี้ และผมอยากจะโชว์พวกเขาว่าถ้าผมสามารถพูดไทยได้ พวกคุณก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เช่นกัน เราเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน ผมผ่านรอบนี้ และผมเป็นฝรั่งคนเดียวที่ผ่านรอบนี้ ในความคิดของผม ผมถือว่าผมทำสำเร็จแล้ว
นักเรียนของผมที่ไปสัมภาษณ์เป็นแอร์โฮสเตทและโชว์ตัวตนที่แท้จริงออกมา เป็นธรรมชาติอย่างที่เป็น ส่วนมากมักจะผ่ายรอบ prescreening กัน ผมรู้ว่าภาษาไทยผมยังไม่ดีพอ แต่ผมก็พยายามและไม่กลัวที่จะพูดผิด ผมได้ทำดีที่สุดแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ผมแคร์ ผมรู้จักผู้หญิงคนนึงซึ่งตอนนี้เธอทำงานกับสายการบินนึง ภาษาอังกฤษเธอไม่ได้ดีมาก แต่เธอพยายามและนั่นเป็นสิ่งที่ดีในการเรียนภาษา
และตอนนี้ผมเข้าสู่รอบ catwalk ผมดื่มกาแฟไป 5 แก้วเพื่อเติมพลังในการเดินของผม 555 ผมรู้สึกเหมือนว่าผมอยู่ในมิวสิควีดีโอ และกำลังเดินเพื่อชีวิตของผม ผมต้องแอบขำ และกรรมการก็บอกให้ผมสะบัด ผมไม่รู้ว่าสะบัดแปลว่าอะไร แต่ในที่สุดผมก็ผ่านรอบนี้ไปได้
ตอนนี้ผมเป็นฝรั่งคนเดียวในการแข่งขันนี้ ผมค่อนข้างชิวกับมัน สิ่งที่ผมแคร์ตอนนี้คือการฝึกภาษาไทย ได้มีโอกาสเข้าร่วมรายการและเป็นฝรั่งคนเดียวที่ผ่านรอบ prescreening ถ้ากรรมการไม่เลือกผม ผมโอเคกับผลที่ได้เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ผมต้องการจะทำแล้ว
ประตูเปิดและผมไม่ได้เป็นผู้ถูกเลือก ผมโอเคกับผลลัพธ์ผมผ่านผู้คนกว่า 100 กว่าจะมาถึงตรงนี้ ในอาชีพนายแบบผมถูฏปฏิเสธงานหลายครั้ง ทุกคนที่ถูกเลือกเป็นคนเอเชียกับลูกครึ่ง ไม่มีฝรั่งใน The Face Man Thailand เรามีบุคลิกที่แตกต่างกัน สำหรับผม ผมได้ชนะ The Face Men Farang Thailand 555+
ถึงทุกคนที่ติดตามผมอยู่ตอนนี้ไม่ว่าคุณจะอยากเป็นนายแบบ อยากเป็นแอร์หรืออยากทำงานในบริษัทต่างชาติใหญ่ๆ อย่าเศร้า อย่ายอมแพ้หากคุณไม่ได้งานนั้น ให้เรียนรู้และหาโอกาสอยู่เสมอๆ คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ผมจัดกระเป๋าเตรียมจะกลับบ้าน พี่เต้ กันตนาเข้ามาบอกกับผมว่าผมถูกเลือกให้ร่วมอีกรายการนึงมีชื่อว่า The Artemis Elite ผมช๊อคมาก เค้าเห็นความสามารถในตัวผม และให้โอกาสผมในการพัฒนาภาษา เค้าต้องการผมในรายการของเค้ามันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ผมรู้สึกทราบซึ้งสำหรับโอกาสนี้ และขอบคุณพี่เต้ที่ให้โอกาสผม
คำแนะนำของผมสำหรับทุกคนที่กำลังจะสัมภาษณ์งานหรือออดิชั่นคือการคิดบวก อย่าให้ความคิดด้านลบมีผลต่อคุณ คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณยังไม่พร้อม หรือยังไม่พร้อม ให้คุณคิดว่าช่างมันและลุยให้เต็มที่ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำอีกมั้ย
จำไว้ว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบคุณ สิ่งสำคัญคือเป็นตัวของตัวเอง และไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ใครมาชอบ
ติดตามพัฒนาการทางภาษาไทยและหนทางการแสดงของผมในรายการ The Artemis Elite ทาง Line TV ในทุกๆวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 20:30 นะครับ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้
รัก จากพี่ชาย
ซันนี่